Benchmarking
ความหมายของBenchmarking
Benchmarking คือ วิธีการในการวัดและเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ บริการและวิธีการปฏิบัติกับองค์การที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า เพื่อนำผลของการเปรียบเทียบมาใช้ในการปรับปรุงของตนเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
หลักการที่สำคัญในการทำ Benchmarking
คือ การค้นหา Benchmark และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด หรือ Best Practices นั่นเอง แล้วจึงศึกษาเปรียบเทียบและนำมาประยุกต์ใช้เพื่อทำให้ตนเองดีกว่า
หลักการพื้นฐาน
BM ไม่ใช่การลอกเลียนแบบจากผู้อื่น หรือการไปดูตัวเลขเปรียบเทียบคู่แข่ง แต่ BM เป็นกระบวนการเรียนรู้วิธีการปฏิบัติจากผู้อื่นซึ่งเป็นการกระทำอย่างเปิดเผย เป็นระบบ และมีจุดประสงค์ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ แต่เป็นการนำวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศที่เรียนรู้มาประยุกต์ให้เหมาะสมกับองค์การของตน
แนวทางการทำ BM
การทำ BM แบบกลุ่ม
ข้อดี - ไม่เสียเวลาในการหาคู่เปรียบเทียบ
- สร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ข้อเสีย - ไม่สามารถทำตามสิ่งที่ต้องการได้ทุกอย่าง
- การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ต้องทำตามที่กลุ่มกำหนด
การทำ BM แบบเดี่ยว
ข้อดี - ควบคุมระยะเวลาได้
- เลือกหัวข้อที่สนใจจะทำBMได้
ข้อเสีย - ใช้เวลานานกว่าแบบกลุ่ม
- ถ้าเป็นองค์กรเล็กจะหาผู้เปรียบเทียบยาก
ขั้นตอนและกระบวนการทำ BM
ขั้นตอนที่ 1 การวางแผน (Planning)
· การกำหนดหัวข้อที่จะทำ BM (วิเคราะห์จากมุมมองภายในและภายนอก)
· การกำหนดองค์การที่จะเปรียบเทียบ
· การกำหนดวิธีการเก็บข้อมูลและการเก็บข้อมูล
ขั้นตอนที่ 2 การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis Stage)
ขั้นที่ 3 การบูรณาการ (Integration stage) คือขั้นตอนนำผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลมาประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบและตั้งเป้าหมายร่วมกัน ประกอบด้วยขั้นตอนย่อยดังนี้
· สื่อสารให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ
· การตั้งเป้าหมายการดำเนินงานขององค์การ
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติ (Action stage)
· การจัดทำแผนปฏิบัติการ
· การนำแผนปฏิบัติและการควบคุม
· การทบทวนผลการดำเนินงานเทียบกับคู่เปรียบเทียบ
o บรรลุเป้าหมายหรือยัง
o Benchmark พัฒนาไปอีกหรือไม่
o ต้องทบทวนเป้าหมายใหม่หรือไม่
o สิ่งที่เรียนรู้จาก Benchmarking ครั้งนี้คืออะไร
o จุดอ่อนที่ต้องปรับปรุงคืออะไร
ที่มา นส ทิพสุดา ศรีปราชญ์วิทยา
เรียบเรียงโดย นาย ทวินรัตน์ โจมฤทธิ์ เลขที่ 21
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น